OMAKASE
WORLD BLOG

6 ปู (Kani カニ) ทะเลญี่ปุ่น สู่วัตถุดิบชั้นเลิศของอาหารญี่ปุ่น

         นึกถึงอาหารทะเลญี่ปุ่น อันดับแรกที่นึกถึงต้องมี “ปู” อยู่ติดอับดับต้น ๆ อย่างแน่นอน หลายคนรู้จักแค่ปูยักษ์กับปูขน แต่ไม่เคยรู้ว่าปูญี่ปุ่นทั้ง 2 ชนิดนี้เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร และปูญี่ปุ่นที่คนญี่ปุ่นนิยมทานมีกี่ชนิด ใครที่เป็นนักชิมตัวยงต้องไม่พลาด เพราะวันนี้เราจะพาทุกคนไปเปิดโลกแห่งท้องทะเลญี่ปุ่นกันครับ

 

1. ปูอะบุระ (Aburagani)

ปูสีน้ำเงินมีน้ำเงินที่ถูกเรียกว่า “King Crab” ราชาแห่งปู มีความคล้ายกับปูทาระบะแต่ต่างกันที่มีลำตัวออกสีน้ำเงิน และมีขนาดลำตัวที่เล็กกว่าเล็กน้อย พบมากบริเวณทะเลตอนเกนือของฮอกไกโด มีเนื้อแน่นและรสชาติหวานกลมกล่อม เหมาะสำหรับนำมาทำซาชิมิ และนำมานึ่งจนสุก ส่วนราคาจะถูกกว่าปูทาระบะ

2. ปูทาระบะ (Tarabagani)

ปูทาราบะ หรือปูอลาสก้า และถูกขนานนามว่า “King Crab” เช่นเดียวกับปูอะบุระกานิ พบมากในบริเวณเขตทะเลน้ำลึกของมหาสมุทรแปซิฟิกและแถบตอนเหนือของฮอกไกโด จุดเด่น คือ ลำตัวสีแดงออกน้ำตาลเข้ม ก้ามใหญ่ เนื้อแน่น จึงเหมาะสำหรับทานเป็นซาชิมิ และนำมาทำน้ำซุปปูหวาน ๆ มากที่สุด และรสชาติที่หวาน ฤดูกาลที่จับปูทาราบะได้มาก คือ ช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม และเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ คนญี่ปุ่นนิยมทานกันมากจึงมีราคาที่สูงกว่าปูอะบุระกานิ

 

 

3. ปูขน หรือ ปูเคะกานิ (Kegani)

ปูขน (Horseshoe Crab) มีจุดเด่นที่ลำตัวมีขนปกคลุมไปทั่วทั้งตัว เป็นปูที่มีราคาค่อนข้างสูง พบมากบริเวณตอนเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิกและทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น โดยเฉพาะในฮอกไกโด ปูขนสามารถหากินได้ตลอดทั้งปี แต่ฤดูที่อร่อยที่สุดจะเป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ ประมาณเดือนมีนาคม เนื้อแน่น หวานฉ่ำ และมีรสชาติเข้มข้นมาก นิยมนำไปทำเป็นน้ำซุปมิโสะ

4. ปูหิมะ หรือ ปูซูไว (Zuwaigani)

ปูซูไว (Rock Crab or Snow Crab) อาศัยอยู่ในบริเวณทะเลญี่ปุ่นและทะเลโอค็อตสค์ มีขนาดเล็กกว่าปูทาราบะ จับได้ง่าย จึงมีคาที่ไม่ค่อยสูงมากเมื่อเทียบกับปูทาราบะ นิยมนำไปทำหม้อไฟปูหิมะ และนำไปย่างเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม ๆ ก่อนนำไปทาน ส่วนกล้ามปูนิยมนำไปทำซูชิเพราะมีความแน่น เนียมละเอียดและนุ่ม แถมมีรสชาติที่หวานค่อย ๆ แทรกซึมออกมาเมื่อทาน ปูซูไวจับได้มากในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ราวเดือนมีนาคาจนถึงกรกฎาคม

 

 

5. ปูฮานาซากิ (Hanasakigani)

ปูฮานาซากิ (Hanasaki Crab) เป็นชื่อที่มาจากเวลาต้มปูแล้วเห็นสีกระดองและลำตัวปูมีสีออกแดงคล้ายดอกไม้ (“ฮานะ” ในภาษาญี่ปุ่น หมายถึง ดอกไม้) จุดเด่นของปูชนิดนี้ คือ มีหนามเยอะ และกระดองแข็งมาก ส่วนเนื้อปูมีรสหวาน นิยมนำไปต้มหรือย่าง ทำเป็นซุปมิโซะ และเมนูหม้อไฟยอดฮิต ฤดูที่ควรทานปูปูฮานาซากิ คือ ช่วงตั้งแต่เดือนพฤษภาคมไปจนถึงเดือนสิงหาคม เพราะปูจะมีขนาดใหญ่และรสชาติอร่อยมากที่สุด

 

6. ปูทาคาอาชิ (Taka-ashi-gani)

ปูแมงมุมยักษ์ (Takaashi Crab) เป็นปูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยชื่อปูทาคาอาชิ แปลว่า “ปูขายาว”  มาจากคำว่า “ทาคา” แปลว่า “สูง/ยาว” ส่วน “อาชิ” แปลว่า “ขา” ปูทาคาอาชิ มักจะอาศัยอยู่ที่ระดับความลึกระหว่าง 50-300 เมตร โดยจะเคลื่อนที่ช้าๆ ไปตามก้นทะเล ตัวผู้มีขนาดใหญ่กว่าตัวเมีย เปลือกแข็งและแข็งแรงมาก ปัจจุบันเป็นปูที่มีจำนวนน้อยลงเป็นอย่างมาก จึงมีการนำมาเพาะเลี้ยงก่อนนำไปปล่อยคืนสู่ทะเลตามธรรมชาติ ปูชนิดนี้เหมาะสำหรับนำไปทำเป็นเมนูซาชิมิ  ซูชิ หรือนำไปนิ่ง และมักถูกเสิร์ฟในร้านอาหารหรู ๆ

 

 

           มาลองทานเนื้อปูแน่น ๆ ที่สด และหวานอร่อยกว่าที่เคยได้ที่ Sushi koge ร้านโอมากาเสะพรีเมี่ยมที่จะช่วยเนรมิตมื้ออาหารธรรมดาให้กลายเป็นอาหารมื้อพิเศษ ด้วยวัตถุดิบชั้นเลิศคุณภาพดีจากท้องทะเลญี่ปุ่นที่ผสมผสานกับศิลปะของการปรุงรสอย่างพิถีพิถันและการตกแต่งอาหารอย่างประณีตในสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม แล้วคุณจะพบความอร่อยที่ลืมไม่ลง

          Sushi Koge ตั้งอยู่ชั้น B วานิชวิลเลจ อารีย์ (Vanit Village Aree) เปิดให้บริการทุกวันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดทำการทุกวันจันทร์) มีรอบให้บริการดังนี้ เวลา 12.00/13.30/18.00/19.30 น. ใช้เวลาในการเสิร์ฟรอบละ 1.30 ชม. (จำกัด 12 ที่นั่งต่อรอบ) สำหรับ Standard Course (18 Course) ราคา 2,900++ บาท (ราคายังไม่รวม Vat7% และ Service Charge10%) รวมถึงค่าเครื่องดื่ม สามารถสำรองที่นั่งได้ที่ https://lin.ee/CdamYNj หรือ โทร. 099-003-9039