OMAKASE
WORLD BLOG

All About Sashimi การเดินทางของ ซาชิมิ ดั้งเดิมสไตล์เอโดะ

‌            ซาชิมิเป็นหนึ่งในเมนูยอดนิยมที่สุดของร้านอาหารญี่ปุ่น ทำจากอาหารทะเลที่สดใหม่ แล่เป็นชิ้นบาง ๆ แล้วเสิร์ฟแบบดิบ ๆ โดยทั่วไปแล้วซาซิมิจะเสิร์ฟพร้อมกับวาซาบิ ของดอง และโชยุ (ซีอิ๊วญี่ปุ่น) ซาชิมิเกิดขึ้นมาได้หลายศตวรรษแล้วแต่ความเรื่องราวจะเป็นอย่างไร มาติดตามเรื่องราวของซาชิมิกันได้เลยครับ

 

 

การเดินทางของ Sashimi ซาชิมิ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

ต้นกำเนิดของซาซิมิไม่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อกันว่ามีต้นกำเนิดในญี่ปุ่นในสมัยคามารคุระ ราวปี ค.ศ. 1185 - 1333 ในช่วงเวลานี้มักนิยมรับประทานปลาดิบกันในหมู่ของชาวประมงเท่านั้น โดยจะมีการแล่ปลาเป็นชิ้นบาง ๆ ทานกันสด ๆ ต่อมาในสมัยยุคมุโรมาจิ ราวปี ค.ศ. 1336 - 1573 ยุคนี้เริ่มมีการพัฒนาซาชิมิขึ้นอีกขั้น เพราะมีการทานซาชิมิกับโชยุขึ้นมากแล้ว แต่ซาชิมิในยุคนี้มีราคาที่ค่อนข้างแพงจนกลายเป็นอาหารของคนชั้นสูงแล้ว 

             มาถึงช่วงปลายสมัยเอโดะในปีค.ศง 1603 - 1867 ซาซิมิได้แพร่กระจายไปยังชนชั้นอื่น ๆ ของสังคมญี่ปุ่น ชาวเมืองนิยมทานซาชิมิกับโชยุกันอย่างแพร่หลาย มีการนำปลาทะเลและวัตถุดิบอาหารทะเลมาทำเป็นซาชิมิที่หลากหลายมากขึ้นและได้เกิดการค้าขายมากมายตามร้านอาหารจงบจนปัจจุบัน

 

 

ความแตกต่างระหว่าง “ซูชิ” กับ “ซาชิมิ”

ซาซิมิและซูชิ มีความแตกต่างกันอย่าไงร คุณรู้สึกสับสนกันหรือไม่? หลายคนมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับอาหารญี่ปุ่น ทั้ง 2 ชนิดนี้อยู่บ่อยครั้ง บางคนเข้าใจว่าซาซิมิเป็นซูชิประเภทหนึ่ง ความจริงแล้วซาซิมิเป็น อาหารญี่ปุ่น ที่ประกอบด้วยปลาดิบหรืออาหารทะเลที่นำมาแล่เป็นชิ้นบาง ๆ เสิร์ฟพร้อมซีอิ๊ว วาซาบิ ขิงดอง หัวไชเท้าขูด และใบชิโสะ ซาชิมิเป็นอาหารที่มีการพัฒนาดัดแปลงมาจากอาหารญี่ปุ่นชื่อว่า “นามะสึ” ซึ่งเป็นการนำเอาปลาดิบมาสับให้ละเอียดเสิร์ฟพร้อมซอสสูตรพิเศษที่ใช้น้ำส้มสายชูผสมกับวาซาบิ และน้ำส้มสายชูผสมขิง

           ในขณะที่ซูชิ (Sushi) เป็นอาหารญี่ปุ่น ซึ่งประกอบด้วยปลาดิบเช่นเดียวกัน แต่ยังมีอาหารทะเลปรุงสุกด้วย และส่วนประกอบหลักเลย คือ ข้าวที่ปรุงด้วยส่วนผสมของน้ำส้มสายชูสูตรพิเศษปั้นขนาดพอดีคำทานคู่กับอาหารทะเลแบบดิบหรือปรุงสุกนั่นเอง รวมถึงไข่ ผัก และเห็ด เสิร์ฟพร้อมกับวาซาบิ และโชยุ

 

 

อาหารทะเลที่เหมาะสำหรับทำซาซิมิ

ปลาทะเลและหอยทุกชนิดสามารถนำมาทำซาซิมิได้ ซึ่งหัวใจสำคัญของซาชิมิ คือ ปลาต้องมีความสดมาก เนื้อแน่น สีสดใส และการแล่ปลาที่ต้องใช้ความประณีตเพื่อให้เนื้อปลาคงความอร่อย เนื้อนุ่มแน่น น่ารับประทาน สำหรับอาหารทะเลที่เหมาะสำหรับทำซาชิมิ เช่น

  • ปลาแซลมอน (Salmon) ปลาส้มยอดนิยม ด้วยไขมันที่เยอะจึงมีความนุ่มมาก
  • ปลาทูน่า  (Maguro) ปลาเนื้อแดงที่มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามส่วนตาง ๆ ของปลา
  • ปลาหางเหลือง (Hamachi) ปลาเนื้อขาว เนื้อสัมผัสแน่น เนียนละเอียด
  • ปลาซาบะ (Saba)  จัดอยู่ในประเภทปลาแมคเคอเรล มีคุณค่าทางโภชนาการสูง
  • ปลาซาร์ดีน (Iwashi) ปลาเนื้อหวานมัน กินได้ทั้งแบบดิบและนำมาย่างเกลือหรือนึ่งบ๊วย
  • ปลาซันมะ (Sanma) ปลาเนื้อหวาน ก้างเยอะ มีไขมันเยอะโดยเฉพาะฤดูใบไม้ร่วง
  • ปลากระพงแดง (kanpachi) หรือปลาไท้ ปลาเนื้อขาวรสชาติเข้มข้น เนื้อแน่นทานอร่อย
  • ปลาคัตสึโอะ (Katsuo) หรือปลาโอ ปลาเนื้อแดงที่นิยมทานแบบซาชิมิ 
  • ปลาฮามาจิ (Hamachi) เป็นปลาหางเหลืองชนิดหนึ่ง เนื้อมีสีขาวอมชมพูและไขมันมาก
  • ปลาคัมปาจิ (kanpachi) ปลาเนื้อขาวที่มีไขมันน้อย แต่ยังคงความเหนียวนุ่มได้ดี
  • หมึกกล้วย (Ika) สามารถทานได้ทั้งแบบซาชิมิ และซูชิ โดยจะนำมาหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ ก่อน 
  • หมึกยักษ์ (Tako) มีทั้งแบบเสิร์ฟกันสด ๆ และแบบต้มเกลือ เพื่อคงความนุ่มเด้งของหมึกไว้
  • กุ้งหวาน (Amebi) สามารถทานได้ทั้งแบบซาชิมิและซูชิ แต่นิยมทานเป็นนิกิซูชิมากกว่า
  • หอยเซลล์โฮตาเตะ (Hotate) หอยเนื้อแน่น ตัวโตที่คงความหวานได้เป็นอย่างดี
  • ไข่ปลาแซลมอน (Ikura) ไข่ปลาสีส้ม รสชาติเข้มข้นของปลาแซลมอนและปลาเทราต์
  • หอยเม่น  (Uni) สีเหลืองเข้มราคาแพง

 

 

                  พาครอบครัว คนรัก หรือเพื่อน ๆ ของคุณมาพักผ่อน พร้อมสัมผัสความอร่อยของโอมากาเสะพรีเมียมที่ไม่เหมือนใครในแบบฉบับญี่ปุ่นดั้งเดิมแท้ ๆ   บรรยากาศสไตล์เอโดะ พร้อมประสบการณ์สุด Exclusive ได้แล้ววันนี้ ที่ Sushi Koge ตั้งอยู่ชั้น B วานิชวิลเลจ อารีย์ (Vanit Village Aree) เปิดให้บริการทุกวันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดทำการทุกวันจันทร์) มีรอบให้บริการดังนี้ เวลา 12.00/13.30/18.00/19.30 น. ใช้เวลาในการเสิร์ฟรอบละ 1.30 ชม. (จำกัด 12 ที่นั่งต่อรอบ) สำหรับ Standard Course (18 Course) ราคา 2,900++ บาท (ราคายังไม่รวม Vat7% และ Service Charge10%) รวมถึงค่าเครื่องดื่ม สามารถสำรองที่นั่งได้ที่ https://lin.ee/CdamYNj หรือ โทร. 099-003-9039