OMAKASE
WORLD BLOG

กว่าจะเป็น ซูชิ (sushi) จากอาหารญี่ปุ่นธรรมดาสู่โอมากาเสะสุดหรู

           อีกหนึ่งอาหารญี่ปุ่นที่โด่งดังและคนทั่วโลกชื่นชอบ คงหนีไม่พ้น ซูชิ ซึ่ง ซูชิ จริงๆ แล้วมีต้นกำเนิดเกิดขึ้นมาตั้งแต่หลายร้อยปีที่แล้ว ที่มีลำดับการถูกคิดค้นที่แตกต่างกัน ซูชิบางชนิดได้หายไปพร้อมกับซูชิบางชนิดที่เกิดขึ้นมาตามการเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิต จนมาถึงปัจจุบัน วันนี้ Sushi Koge จะพาเดินทางไปรู้จัก ซูชิ ธรรมดา จนมาสู่เส้นทางของ ซูชิ ในคอร์ส โอมากาเสะ สุดหรู

 

ต้นกำเนิดการเกิด ซูชิ

เริ่มมาตั้งแต่ก่อนปีคริสต์ศักราชจากการเริ่มปลูกข้าวและการจับปลาตามแม่น้ำและในนาข้าว สมัยก่อนไม่มีตู้เย็นและเครื่องทำน้ำแข็งรักษาความสดของปลาให้นาน ๆ ได้เหมือนปัจจุบัน อีกทั้งปัญหาทางฤดูกาลที่อาจเกิดการแห้งแล้งและฝนตกทำให้ไม่สามารถมีโปรตีนจากปลามารับประทานได้ตลอดทั้งปี จุดเริ่มต้นของซูชิจึงเกิดขึ้นจากการนำข้าวมาหมักปลาและเนื้อสัตว์ ซึ่งแลคติก แอซิดแบคทีเรียตามธรรมชาติในข้าวจะเจริญและเปลี่ยนแป้งข้าวให้เป็นกรดแลกติกซึ่งช่วยป้องกันการเน่าเปื่อยของปลาและเนื้อสัตว์ได้ จากนั้นก็ได้เกิดการเรียนรู้การถนอมอาหารจากเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือและจีน ที่นำข้าวมาหมักปลาน้ำจืดจนมีความเปรี้ยวได้ที่แล้วนำมาทอดและรับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ หรือที่รู้จักกันว่า ปลาส้ม อีกประวัติศาสตร์ก็มาจาก คนญี่ปุ่นเริ่มมีการกินปลาดิบเป็นครั้งแรกในยุคเฮอัง (794 - 1192) เกิดจากเหตุการนำปลาไปหมักกับข้าวและเกลือ นานเป็นปี ๆ แต่พอได้มาลองกินกลับได้รสชาติที่กลมกล่อมมากขึ้น จากนั้นมา ซูชิ จึงกลายมาเป็น อาหารญี่ปุ่น ที่เป็นที่ชื่นชอบของคนที่ได้ลิ้มรส

 

 

จุดเปลี่ยนรสชาติ ซูชิ ที่ใกล้เคียงกับปัจจุบัน

ในยุคเอโดะ ระหว่างปี 1603 - 1868 ได้มีการพัฒนาให้มีกลิ่นคาวน้อยลง มีรสชาติที่กลมกล่อม และง่ายในการมากยิ่งขึ้น โดยการนำปลาทำกรรมวิธีดองด้วยน้ำส้มสายชูก่อน นำมาวางไว้บนข้าวที่ผ่านการหมักด้วยเกลือและน้ำส้มสายชู จากนั้นนำมาห่อในใบต้นอ้อ และเรียกเมนูนี้ว่า Hayazushi ตรงกับชื่อ 早い (hayai) ที่แปลว่า “ เร็ว ” หรือที่ได้ยินกันในชื่อเรียก ซูชิข้าวอัด ซึ่งช่วงนี้ถือว่าเป็นการทำข้าวซูชิแบบการใช้เกลือและน้ำส้มสายชูครั้งแรกในญี่ปุ่นอีกด้วย

         และต่อมา Hayazushi เริ่มเป็นที่นิยมในคนหมู่มาก ก็เกิดปัญหาที่ว่ามันยังเร็วไม่ทันใจพอ เนื่องจากยุคนั้นเป็นยุคอันรุ่งเรือง ผู้คนต้องการทำงานเพื่อพัฒนาประเทศ ทำให้เกิดการพัฒนาเป็น Nigiri-zushi (握り寿司) ที่มีวิธีการทำที่ง่ายกว่าและมีความใกล้เคียงกับซูชิในยุคปัจจุบัน โดยการนำเอาข้าวไปคลุกผสมกับน้ำส้มสายชู และนำมาปั้นเป็นคำ ๆ จากนั้นนำปลาดิบวางไว้ด้านบน แต่ในสมัยนั้น มีสิ่งที่แตกต่างจากสมัยนี้ นั่นคือ มีขนาดคำที่ใหญ่กว่าปัจจุบัน 2 - 3 เท่า และเอาปลาหลากหลายชนิดและอาหารทะเลชนิดอื่น ๆ มาวางไว้ข้างบน ต่อมาก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ยุคเอโดะนี้ จึงนับเป็นยุคที่กำเนิด เชฟซูชิ  เกิดขึ้นเป็นมาจำนวนมาก เพื่อรองรับความต้องการการบริโภคที่มากขึ้น

 

 

เมื่อวัฒนธรรมการกินที่เปลี่ยนไป ซูชิ จึงเปลี่ยนตาม

วัฒนธรรมการกิน โอมากาเสะ เริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่ ปี 1900 จึงเกิดการนำวัตถุดิบที่ดีที่สุด วัตถุดิบตามฤดูกาลที่หายาก ขึ้นมาเป็นสิ่งที่ชูโรงของวัฒนธรรมการกินนี้ เชฟชำนาญการจึงต้องแสดงฝีมือที่มีทั้งศาสตร์ความรู้เรื่องวัตถุดิบต่างๆ มากมาย นำมาประกอบกับศิลป์ของการจัดตกแต่ง เพื่อให้เกิดสิ่งที่แปลกใหม่ สวยงาม และดีที่สุดลงในเมนูคอร์ส ที่เชฟได้ตั้งใจบรรจงจัดสรร และคงหนีไม่พ้น เมนู ซูชิ ที่ต้องพิถีพิถันในการหมักข้าวในสูตรเฉพาะ การปั้นข้าวในสไตล์เอโดะแท้ๆ ถือว่าเป็นการกินซูชิที่เหมือนได้เดินทางย้อนอดีตกลับไปกิน ซูชิ ต้นตำรับ แต่ได้ลิ้มรสวัตถุดิบที่วางประกบบนข้าวที่พิเศษกว่าอย่างไรอย่างนั้น

 

 

                หากใครพร้อมเดินทางไปสัมผัสซูชิ สไตล์เอโดะ ในแบบฉบับญี่ปุ่นดั้งเดิมแท้ ๆ ต้องมาที่ Sushi Koge รับรองว่าคุณจะได้สัมผัสประสบการณ์การกินอาหารญี่ปุ่นที่พิเศษสุดๆ และเป็นมื้อที่ประทับใจอีกมื้อหนึ่งเเน่นนอน  ร้าน Sushi Koge ตั้งอยู่ชั้น B วานิชวิลเลจ อารีย์ (Vanit Village Aree) เปิดให้บริการทุกวันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดทำการทุกวันจันทร์) มีรอบให้บริการดังนี้ เวลา 12.00/13.30/18.00/19.30 น. ใช้เวลาในการเสิร์ฟรอบละ 1.30 ชม. (จำกัด 12 ที่นั่งต่อรอบ) สำหรับ Standard Course (18 Course) ราคา 2,900++ บาท (ราคายังไม่รวม Vat7% และ Service Charge10%) รวมถึงค่าเครื่องดื่ม สามารถสำรองที่นั่งได้ที่ https://lin.ee/CdamYNj หรือ โทร. 099-003-9039